แนวข้อสอบ นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ กทม.
เฉลยข้อสอบที่ ข้อมูลอัพเดต
แนวข้อสอบ
ระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยวิธีปฏิบัติงานสารบรรณ พ.ศ. 2546
1. ระเบียบฉบับนี้บังคับใช้เมื่อใด
一. ทันทีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
二. หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาหนึ่งวัน
三. ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
四. ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗
ตอบ ค. ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นต้นไป
2. วิธีปฏิบัติงานสารบรรณของกรุงเทพมหานคร ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบในข้อใด
一. ระเบียบผู้ว่ากรุงเทพมหานครว่าด้วยการสารบรรณ
二. ระเบียบสภากรุงเทพมหานครว่าด้วยการสารบรรณ
三. ระเบียบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสารบรรณ
四. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสารบรรณ
ตอบ ง. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสารบรรณ
ข้อ ๕ วิธีปฏิบัติงานสารบรรณของกรุงเทพมหานคร ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบนี้และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ
คำอธิบายซึ่งกำหนดไว้ท้ายระเบียบ ให้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในงานสารบรรณ และให้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
3. ผู้ที่รักษาการตามระเบียบนี้คือ
一. ปลัดกรุงเทพมหานคร
二. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
三. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
四. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. ปลัดกรุงเทพมหานคร
ข้อ ๖ ให้ปลัดกรุงเทพมหานครรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกและจัดทำคำอธิบายกับให้มีหน้าที่ดำเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับงานสารบรรณ
4. ผู้ที่มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้คือ
一. ปลัดกรุงเทพมหานคร
二. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
三. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
四. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. ปลัดกรุงเทพมหานคร
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
5. คณะกรรมการว่าด้วยงานสารบรรณกรุงเทพมหานคร จะสามารถดำรงตำแหน่งได้เมื่อใด
一. เมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง
二. เมื่อประธานสภากรุงเทพมหานครแต่งตั้ง
三. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง
四. ดำรงตำแหน่งทันทีที่ได้รับเลือก
ตอบ ก. เมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง
ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมการว่าด้วยงานสารบรรณกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งและให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(一) เสนอแนะการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาระเบียบนี้ต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
(二) เสนอความเห็นในการตีความ การวินิจฉัยปัญหา การแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกและคำอธิบายตามที่กำหนดไว้ใน ข้อ ๖
(三) เสนอแนะการจัดวางระบบการเก็บรักษาหนังสือสำคัญด้วยระบบต่างๆ ต่อปลัดกรุงเทพมหานคร เช่น ระบบไมโครฟิล์ม เป็นต้น
(四) ให้ความเห็นชอบในการเก็บรักษาหนังสือราชการที่เป็นเอกสารสำคัญไว้ในระบบตาม (๓)
(五) พิจารณาดำเนินการตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือปลัดกรุงเทพมหานครมอบหมาย
6. เลขที่หนังสือออก จะต้องประกอบด้วยข้อใดบ้าง
一. ตัวพยัญชนะและวันที่ที่ออกหนังสือ
二. เลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่องและวันที่ที่ออกหนังสือ
三. ตัวพยัญชนะและเลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
四. เลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่องเท่านั้น
ตอบ ค. ตัวพยัญชนะและเลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
ข้อ ๘ เลขที่หนังสืออก ประกอบด้วยรหัสตัวพยัญชนะแล้วต่อด้วยเลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
รหัสตัวพยัญชนะที่ใช้สำหรับเลขที่หนังสือออกของทุกหน่วยงานและส่วนราชการให้ใช้รหัส กท
7. รหัสตัวพยัญชนะที่ใช้สำหรับเลขที่หนังสือออกของทุกหน่วยงานและส่วนราชการให้ใช้ตัวพยัญชนะใด
一. กท
二. กท.
三. กทม
四. กทม.
ตอบ ก. กท
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
8. เลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่องประกอบด้วยตัวเลขสี่ตัว ตัวเลขสองตัวแรกหมายถึง
一. วันที่ออกหนังสือ
二. ส่วนราชการภายใน
三. เลขประจำตัวผู้ออกหนังสือ
四. หน่วยงาน
ตอบ ง. หน่วยงาน
ข้อ ๙ เลขประจำของส่วนราชการเจ้าของเรื่องประกอบด้วยตัวเลขสี่ตัว ตัวเลขสองตัวแรกสำหรับหน่วยงาน โดยเริ่มจากตัวเลข ๐๑ เรียงไปตามลำดับหน่วยงานตามประกาศกรุงเทพมหานครว่าด้วยการจัดระเบียบราชการของกรุงเทพมหานคร และตัวเลขสองตัวหลังหมายถึงส่วนราชการภายในหน่วยงานระดับไม่ต่ำกว่ากองหรือฝ่าย แล้วแต่กรณี ตามประกาศกรุงเทพมหานครว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการภายในหน่วยงาน และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
9. ส.กทม. ย่อมาจาก
一. สภากรุงเทพมหานคร
二. สมาชิกกรุงเทพมหานคร
三. สำนักงานกรุงเทพมหานคร
四. ส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
ตอบ ก. สภากรุงเทพมหานคร
ข้อ ๑๐ อักษรย่อชื่อกรุงเทพมหานครคือ กทม.
อักษรย่อชื่อสภากรุงเทพมหานครคือ ส.กทม.
ให้มีอักษรย่อชื่อหน่วยงาน ส่วนราชการ และการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งอักษรย่อชื่อตำแหน่งในการบริหารงานระดับไม่ต่ำกว่ากอง
10. ข้อใดมิใช่หนังสือราชการที่กำหนดให้ทำเป็นหนังสือภายใน
一. หนังสือที่ปลัดกรุงเทพมหานครมีไปถึงหน่วยงานในสังกัด
二. หนังสือที่ผู้ว่าราชกรุงเทพมหานครมีไปถึงประธานสภากรุงเทพมหานคร
三. หนังสือที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีไปถึงหน่วยงานในสังกัด
四. หนังสือที่กรุงเทพมหานครมีไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ข. หนังสือที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีไปถึงประธานสภากรุงเทพมหานคร
---------------------------------------------------------------------------------------------------
แนวข้อสอบ
หลักธรรมมาภิบาล หลักเศรษฐกิจพอเพียง หลักสิทธิมนุษยชน การปกครองท้องถิ่น
1. “หลักธรรมาภิบาล” มีชื่อเรียกว่าอย่างไร
一. “การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ค. บรรษัทภิบาล
二. หลักธรรมรัฐ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
2. องค์ประกอบของหลักธรรมมาภิบาลมีกี่ข้อ
一. 4 ข้อ ค. 6 ข้อ
二. 5 ข้อ ง. 7 ข้อ
ตอบ ค. 6 ประการ
3. การตรากฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับและกติกาต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็นธรรม คือหลักธรรมมาภิบาลใด
一. หลักคุณธรรม ค. หลักความโปร่งใส
二. หลักนิติธรรม ง. หลักความรับผิดชอบ
ตอบ ข. หลักนิติธรรม
4. การยึดถือและเชื่อมั่นในความถูกต้องดีงาม คือหลักธรรมมาภิบาลใด
一. หลักความโปร่งใส ค. หลักคุณธรรม
二. หลักความคุ้มค่า ง. หลักความมีส่วนร่วม
ตอบ ค. หลักคุณธรรม
5. การทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ คือหลักธรรมมาภิบาลใด
一. หลักความโปร่งใส ค. หลักความคุ้มค่า
二. หลักความคุ้มค่า ง. หลักความมีส่วนร่วม
ตอบ ก. หลักความโปร่งใส
6. การทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมเสนอความเห็นในการตัดสินใจสาคัญ ๆ ของสังคม คือหลักธรรมมาภิบาลใด
一. หลักความโปร่งใส ค. หลักความคุ้มค่า
二. หลักความคุ้มค่า ง. หลักความมีส่วนร่วม
ตอบ ง. หลักความมีส่วนร่วม
7. ข้อใดกล่าวผิด
一. เศรษฐกิจพอพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางและความไม่ประมาท
二. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ
三. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี
四. ไม่มีข้อใดกล่าวผิด
ตอบ ง. ไม่มีข้อใดกล่าวผิด
8. ข้อใด ไม่เป็น ความหมายของคำว่า ความพอเพียง
一. ความมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ค. ความมีเหตุผล
二. ความพออยู่ พอกิน ง. ความพอประมาณ
ตอบ ข. ความพออยู่ พอกิน
9. ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นความหมายของคำว่าอะไร
一. ความมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ค. ความมีเหตุผล
二. ความพออยู่ พอกิน ง. ความพอประมาณ
ตอบ ง. ความพอประมาณ
10. การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆอย่างรอบคอบ เป็นความหมายของคำว่าอะไร
一. ความมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ค. ความมีเหตุผล
二. ความพออยู่ พอกิน ง. ความพอประมาณ
ตอบ ค. ความมีเหตุผล
สนใจ #แนวข้อสอบ กทม. ติดต่อที่
แนวข้อสอบด้านการบริหารงานการจัดการทั่วไป
1. ความรู้ทั่วไปทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ปัจจุบัน
1. ความต้องการหรือความจำเป็นข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
ก. พึ่งตนเองได้ตามสัญชาตญาณของสัตว์โลก
ข. ได้รับการตอบสนองด้านสังคมจิตวิทยา
ค. ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้ชนรุ่นหลัง
ง. ได้รับการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ตอบ ก. สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม มี 4 ประการ คือ
1) ความจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน
2) ความจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำตามความถนัด
3) ความจำเป็นต้องได้รับการตอบสนองความต้องการทางชีวภาพและความต้องการทางด้านสังคมจิตวิทยา
4) ความจำเป็นในการถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่คนรุ่นหลัง
2. องค์ประกอบของ “สังคม” ข้อใดเป็นกลไกด้านคุณภาพ ทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ก. มีพื้นที่อาณาเขตแน่นอน ข. มีการจัดระเบียบทางสังคม
ค. มีประชากรหรือสมาชิกของสังคม ง. มีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม
ตอบ ข. การจัดระเบียบทางสังคม สังคมจะต้องมีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ เพื่อให้สมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่ช่วยจัดระเบียบสังคม คือ บรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ได้แก่กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีต่างๆ เป็นต้น
3. ข้อใดอธิบาย ผิด ความจริงเกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคม
ก. สมาชิกในสังคมมีเป้าหมายร่วมกัน ข. มีส่วนประกอบคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ค. มีระเบียบกฎเกณฑ์เป็นแนวทางปฏิบัติ ง. มีการรวมกลุ่มของคนในสังคม
ตอบ ข. โครงสร้างทางสังคมจะต้องมีส่วนประกอบเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
4. “รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ของสมาชิก เช่น
ความต้องการในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ นันทนาการ ฯลฯ” คำอธิบายนี้หมายถึงข้อใด
ก. สถาบันสังคม ข. บรรทัดฐานทางสังคม
ค. การขัดเกลาทางสังคม ง. สถานภาพทางสังคม
ตอบ ก. สถาบันทางสังคม (Social Institution) หมายถึง รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ร่วมกัน
ตัวอย่างเช่น สถาบันครอบครัวมีแบบแผนในการปฏิบัติที่สังคมยอมรับ คือ บิดา มารดา ต้องเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตรของตนด้วยความรัก เป็นต้น
5. สิ่งที่เรียกว่า “กลุ่มสังคม” สมาชิกในกลุ่มจะต้องมีลักษณะสำคัญ 3 ประการดังนี้ ยกเว้น ข้อใด
ก. มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ข. มีกฎข้อบังคับและบทลงโทษเคร่งครัด
ค. มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ง. มีตำแหน่ง หน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน
ตอบ ข. ลักษณะที่สำคัญของกลุ่มสังคม มีดังนี้
1) สมาชิกในกลุ่มมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน หรือมีการกระทำระหว่างกันทางสังคม (Social Interaction) หมายถึง สมาชิกมีการปฏิบัติต่อกัน เช่น พูดคุยกัน ทำงานร่วมกัน ฯลฯ
2) สมาชิกในกลุ่มมีตำแหน่งหน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน โดยมีแบบแผนพฤติกรรมของกลุ่มที่เรียกว่า วัฒนธรรมย่อย
3) สมาชิกในกลุ่มมีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน มีความรักความผูกพันซึ่งกันและกัน
4) สมาชิกในกลุ่มมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยกลุ่มสังคมนั้นจะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกในกลุ่มได้ เช่น ชมรมผู้ปฏิบัติธรรมของวัดสวนแก้ว สมาชิกมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสวงหาความสุขสงบในชีวิตตามแนวทางพระพุทธศาสนา ชมรมแห่งนี้จะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้
6. ข้อใด เป็นตัวอย่างของ “กลุ่มสังคม”
ก. ฝูงชนที่มุงดูขบวนแห่นางสงกรานต์ ข. กลุ่มนักเรียนที่ยืนรอรถเมล์ข้างถนน
ค. ลูกจ้างพนักงานในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ง. กลุ่มวัยรุ่นเข้ามาชมการแสดงดนตรี
ตอบ ค. กลุ่มสังคม (Social Group) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่สมาชิกในกลุ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างมีระเบียบแบบแผน เป็นที่ยอมรับซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีสัญลักษณ์ และมี ความสนใจคล้ายๆ กัน จึงทำให้กลุ่มมีลักษณะแตกต่างกับกลุ่มอื่นๆ
ตัวอย่างกลุ่มสังคม เช่น ข้าราชการในกระทรวงแห่งหนึ่ง สมาชิกสมาคมนิสิตเก่าของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สมาชิกมูลนิธิบำเพ็ญกุศลแห่งหนึ่ง หรือสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เป็นต้น
7. ข้อใดถ้า ไม่มี ความหมายของ “สถาบันสังคม” ก็ยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ก. บรรทัดฐานทางสังคม ข. การยอมรับร่วมกันของสมาชิกในสังคม
ค. สนองความต้องการต่างๆ ของสมาชิก ง. ความเชื่อและค่านิยมเป็นแบบแผนเดียวกัน
ตอบ ง. สถาบันทางสังคม (Social Institution) มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
1) กลุ่มสังคม สถาบันสังคมจะต้องมีกลุ่มสังคมต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันเศรษฐกิจจะต้องมีกลุ่มสังคมของผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และผู้ประกอบกิจการธนาคาร เป็นต้น
2) หน้าที่ สถาบันสังคมจะต้องมีหน้าที่หรือจุดมุ่งหมายในการสนองความต้องการของสังคมด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันศาสนา ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของสมาชิก
3) แบบแผนพฤติกรรมที่สมาชิกจะต้องปฏิบัติต่อกัน หมายถึง บรรทัดฐานทางสังคม ได้แก่ วิถีประชา จารีต และกฎหมาย ซึ่งสถาบันสังคมแต่ละแห่งย่อมมีบรรทัดฐานทางสังคมที่แตกต่างกัน
4) สัญลักษณ์และค่านิยม เป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกเกิดความรัก ความศรัทธาต่อสถาบันสังคมแห่งนั้น
8. สถาบันสังคมข้อใด เป็นสถาบันสังคมพื้นฐานในการสร้างสมาชิกในสังคมที่มีคุณภาพ
ก. สถาบันครอบครัว ข. สถาบันการศึกษา
ค. สถาบันศาสนา ง. สถาบันทางปกครอง
ตอบ ก. สถาบันครอบครัว หมายถึง แบบแผนพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและ
เครือญาติ เช่น การสมรส การอบรมเลี้ยงดูบุตร การหย่าร้าง ฯลฯ
9. ลักษณะโครงสร้างทางสังคมข้อใด ถ้าสังคมใด ไม่มี สังคมนั้นจะหยุดนิ่งไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
ก. กลุ่มคนที่ติดต่อสัมพันธ์กัน ข. กฎเกณฑ์หรือแบบแผนในการปฏิบัติ
ค. วัตถุประสงค์ในการติดต่อสัมพันธ์กัน ง. การเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ตอบ ง. ลักษณะโครงสร้างทางสังคม ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เช่น จำนวนประชากรในสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆให้เหมาะสม เป็นต้น จะทำให้สังคมไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
10. “โครงสร้างทางสังคม” มีความหมายตรงกับข้อใดมากที่สุด
ก. ระเบียบกฎเกณฑ์ที่สมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติ
ข. ความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพ บทบาท กับสถาบันสังคม
ค. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนในสังคม ซึ่งเชื่อมโยงด้วยบรรทัดฐานทางสังคม
ง. สิ่งที่มารวมกันเป็นสังคมมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล ประชาชน และวัฒนธรรม
ตอบ ค. โครงสร้างทางสังคม (Social Structure) หมายถึง ความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่มาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม โดยมี “บรรทัดฐานทางสังคม” เป็นที่เชื่อมโยงผูกพันระหว่างกัน